ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด…ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน
กลอนของท่านสุนทรภู่บทนี้สอนว่าจิตใจมนุษย์นั้นไซร้ยากแท้หยั่งถึง
แต่สำหรับพืชไม้เลื้อยอย่างเถาวัลย์เปรียงนั้นกลับได้รับการเชื่อถือและยอมรับในวงการแพทย์พื้นบ้านและแผนปัจจุบันด้วยสรรพคุณชั้นยอดในการแก้อาการปวดเมื่อย
และรักษาโรคอื่น ๆ ของมัน
สมุนไพรเถาวัลย์เปรียง
มีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ ว่า เครือตาปลา เครือไหล (เชียงใหม่), เครือตับปลา (เลย), เถาตาปลา เครือเขาหนัง ย่านเหมาะ
(นครราชสีมา), พานไสน (ชุมพร), เครือตาป่า เครือตับปลา เครือเขาหนัง
เครือตาปลาโคก (หากเกิดบนบก) เครือตาปลาน้ำ (หากเกิดในที่ลุ่ม) (ภาคอีสาน), เถาวัลย์เปรียงขาว เถาวัลย์เปรียงแดง
(ภาคกลาง), ย่านเหมาะ ย่านเมราะ (ภาคใต้) เป็นต้น
เถาวัลย์เปรียง…หลากชื่อเรียก
เถาวัลย์เปรียง
หรือชื่อภาษาอังกฤษเพราะ ๆ ว่า Jewel Vine มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Derris scandens (Roxb.)
Benth. อยู่ในวงศ์ถั่ว FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE เป็นสมุนไพรที่พบได้ในทุกภาคของประเทศไทย
จึงมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันไปตามแต่ละท้องถิ่น
ภาคกลางเรียกเถาวัลย์เปรียงแดง หรือ เถาวัลย์เปรียงขาว ตามสีของเนื้อไม้
ภาคเหนือเรียกเครือเขาหนัง หรือ เครือค้องแกบ ภาคอีสานเรียกเครือตับปลา หรือ
เครือตาปลา ภาคใต้เรียกย่านเหมาะ หรือ ย่านเมราะ
เถาวัลย์เปรียง…สรรพคุณเลอค่า
สมุนไพรช่วยบอกลาอาการปวด
เถาวัลย์เปรียง...สมุนไพรที่ชื่ออาจไม่ค่อยคุ้นหูสำหรับคนรุ่นใหม่
แต่ความจริงคนโบราณรู้จักนำเอาเถาวัลย์เปรียงมาใช้ประโยชน์ในทางยามานานแล้ว
ถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด…ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคน
กลอนของท่านสุนทรภู่บทนี้สอนว่าจิตใจมนุษย์นั้นไซร้ยากแท้หยั่งถึง
แต่สำหรับพืชไม้เลื้อยอย่างเถาวัลย์เปรียงนั้นกลับได้รับการเชื่อถือและยอมรับในวงการแพทย์พื้นบ้านและแผนปัจจุบันด้วยสรรพคุณชั้นยอดในการแก้อาการปวดเมื่อย
และรักษาโรคอื่น ๆ ของมัน
บัญชียาจากสมุนไพร:
ที่มีการใช้ตามองค์ความรู้ดั้งเดิม ตามประกาศคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติ
ในบัญชียาหลักแห่งชาติ
เถาวัลย์เปรียงจัดอยู่ในกลุ่มยารักษาอาการทางกล้ามเนื้อและกระดูก
ระบุรูปแบบและขนาดวิธีใช้ยาดังนี้
1.
บรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ ลดการอักเสบของกล้ามเนื้อ
ผงจากเถาของเถาวัลย์เปรียง
รับประทานครั้งละ 500 มิลลิกรัม ถึง 1 กรัม วันละ 3 ครั้ง หลังอาหารทันที
2.
บรรเทาอาการปวดหลังส่วนล่าง และอาการปวดจากข้อเข้าเสื่อม
สารสกัดจากเถาด้วย
50%เอทานอล รับประทานครั้งละ 400 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง หลังอาหารทันที
ข้อห้ามใช้
ห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์
คำเตือน
ควรระวังการใช้ในผู้ป่วยแผลเพปติก
เนื่องจากเถาวัลย์เปรียงออกฤทธิ์คล้ายยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์
จึงอาจทำให้เกิดการระคายเคืองระบบทางเดินอาหารได้
อาการไม่พึงประสงค์
ปวดท้อง
ท้องผูก ปัสสาวะบ่อย คอแห้ง ใจสั่น เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ อุจจาระเหลว
องค์ประกอบทางเคมี:
สารกลุ่ม isoflavone
glycoside ได้แก่
eturunagarone, 4,4’-di-O-methylscandenin,
lupinisol A, 5,7,4’-trihydroxy-6,8-diprenylisoflavone,
5,7,4’-trihydroxy-6,3’-diprenylisoflavone,
erysenegalensein E, derrisisoflavone A-F, scandinone, lupiniisoflavone G,
lupalbigenin, derrisscandenoside A-E, 7,8-dihydroxy-4’-methoxy
isoflavone, 8-hydroxy-4’,7-dimethoxy
isoflavone-8-O-b-glucopyranoside, 7-hydroxy-4’,8-dimethoxy
isoflavone-7-O-beta-glucopyranoside, formononetin-7-O-beta-glucopyranoside,
diadzein-7-O-[α-rhamnopyranosyl-(1,6)]-beta-glucopyranoside,
formononetin-7-O-α- rhamnopyranosyl-(1,6)]-beta-glucopyranoside,
derrisscanosides A-B, genistein-7-O-[α-
rhamnopyranosyl-(1,6)]-beta-glucopyranoside
สารกลุ่มคูมาริน ได้แก่ 3-aryl-4-hydroxycoumarins สารกลุ่มสเตียรอยด์ได้แก่ lupeol,
taraxerol, b-sitosterol สารอื่นๆ เช่น 4-hydroxy-3-methoxy benzoic
acid, 4-hydroxy-3,5-dimethoxy
benzoic acid
การศึกษาทางเภสัชวิทยา:
ฤทธิ์ต้านอักเสบ
สารสกัดลำต้นเถาวัลย์เปรียงด้วยน้ำ นำมาทดสอบฤทธิ์ลดการอักเสบในหลอดทดลองโดยวัดการลดลงของเอนไซม์
myeloperoxidase(MPO) ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่พบในแกรนูลซึ่งอยู่ภายในเม็ดเลือดขาวชนิดนิวโทรฟิล
ในระหว่างที่มีการอักเสบ MPO จะเคลื่อนที่ออกมา
ผลการทดสอบพบว่าสารสกัดน้ำลดการหลั่ง myeloperoxidase ได้ 88% โดยใช้ peritoneal
leukocytes ของหนูขาวเพศผู้สายพันธุ์วิสตาร์ ที่ถูกกระตุ้นให้อักเสบด้วย calcium
ionophore และสารสกัดน้ำมีผลยับยั้งการสังเคราะห์สารอิโคซานอยด์
(eicosanoid) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการอักเสบ ได้แก่ leukotriene
B4 สารสกัดน้ำยังลดการบวมที่อุ้งเท้าหนูขาว
สายพันธุ์ Sprague–Dawley เมื่อใช้คาราจีแนนเหนี่ยวนำการบวม
โดยพบว่าสารสกัดน้ำขนาด 100 และ 500 mg/kg เมื่อให้โดยการฉีดเข้าช่องท้องหนู
สามารถลดการบวมได้ 82 และ 91% ตามลำดับ (Laupattarakasem,
et al., 2003)
ฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์
COX-1
สกัดลำต้นเถาวัลย์เปรียงด้วยตัวทำละลายชนิดต่างๆ ได้แก่ 50% เอทานอล,เฮกเซน, คลอโรฟอร์ม,
บิวทานอล
และน้ำ และแยกสารบริสุทธิ์จากสารสกัดน้ำ 2 ชนิด คือ piscidic
acid และ
genistein 7-O-α-rhamnosyl (1→6)-β-glucopyranoside
นำมาศึกษาฤทธิ์ต้านการอักเสบ
ผลการศึกษาพบว่าสารสกัด 50% เอทานอล, สารสกัดน้ำ,
สาร
genistein 7-O-α-rhamnosyl (1→6)-β-glucopyranoside
และยามาตรฐาน
aspirin สามารถยับยั้งเอนไซม์ cyclooxygenase-1 (COX-1)
ทำให้การสร้างสารที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบได้แก่ พรอสตาแกลนดินลดลง โดยมีค่า IC50 เท่ากับ 4.11,
4.15,
4.0
และ 4-5 ไมโครกรัม/มิลลิลิตร ตามลำดับ โดยสารสกัดน้ำ
และเอทานอลของลำต้นเถาวัลย์เปรียงไม่มีผลยับยั้งเอนไซม์ COX-2 แต่ aspirin ยับยั้งเอนไซม์ COX-2 โดยมีค่า IC50 = 9-10 ไมโครกรัม/มิลลิลิตร
จากการศึกษาองค์ประกอบทางเคมีของสารบริสุทธิ์ที่แยกได้จากสารสกัดน้ำ สองชนิดคือ
สารกลุ่มกรดฟีนอลิค คือ สาร piscidic acid ซึ่งจากรายงานการวิจัยพบว่ามีฤทธิ์ทำให้หลับ
กล่อมประสาท และระงับอาการไอ สารอีกชนิดเป็นสารกลุ่มไอโซฟลาโวนกลัยโคไซด์คือ genistein
7-O-α-rhamnosyl
(1→6)-β-glucopyranoside
ซึ่งมีรายงานว่ามีฤทธิ์ต้านการอักเสบ
สารทั้งสองชนิดยังเป็นองค์ประกอบหลักในสารสกัด 50%เอทานอล (ประไพ และคณะ,
2556)
ฤทธิ์กระตุ้นภูมิคุ้มกัน
การทดสอบในหลอดทดลอง ของสารสกัด 50 %
เอทานอลจากลำต้นเถาวัลย์เปรียง โดยใช้เม็ดเลือดขาวชนิดโมโนนิวเคลียส (peripheral
blood mononuclear cells, PBMC) ที่ได้จากอาสาสมัครปกติ และผู้ติดเชื้อเอชไอวี
พบว่าใน PBMC ที่ได้จากอาสาสมัครปกติ
สารสกัดมีผลเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาวชนิด lymphocyte ที่ความเข้มข้น 10 นาโนกรัม/มล. ถึง 5
ไมโครกรัม/มล. และผลนี้ลดลงเมื่อความเข้มข้นเพิ่มเป็น 100 ไมโครกรัม/มล.
สารสกัดเพิ่มการทำงานของ natural killer (NK) cells ในคนปกติ ที่ความเข้มข้น 10
นาโนกรัม/มล. ถึง 10 ไมโครกรัม/มล. เมื่อทดสอบในผู้ติดเชื้อเอชไอวี
สารสกัดเพิ่มการทำงานของ natural killer (NK) cells ที่ความเข้มข้น 10 ไมโครกรัม/มล (NK
cell จัดเป็นเม็ดเลือดขาวกลุ่มลิมโฟไซต์
มีหน้าที่ทำลายเซลล์อื่นๆทั้งหมดที่มันไม่รู้จักว่าเป็นเซลล์ปกติของร่างกาย)
นอกจากนั้นยังมีผลกระตุ้นการหลั่ง interleukin-2 (IL-2) จาก PBMC ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อมีการกระตุ้นจากระบบภูมิคุ้มกัน
(Sriwanthana and Chavalittumrong, 2001)
เถาวัลย์เปรียง…หลากชื่อเรียก
เถาวัลย์เปรียง
หรือชื่อภาษาอังกฤษเพราะ ๆ ว่า Jewel Vine มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Derris scandens (Roxb.) Benth.
อยู่ในวงศ์ถั่ว FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE เป็นสมุนไพรที่พบได้ในทุกภาคของประเทศไทย
จึงมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันไปตามแต่ละท้องถิ่น
ภาคกลางเรียกเถาวัลย์เปรียงแดง หรือ เถาวัลย์เปรียงขาว ตามสีของเนื้อไม้
ภาคเหนือเรียกเครือเขาหนัง หรือ เครือค้องแกบ ภาคอีสานเรียกเครือตับปลา หรือ
เครือตาปลา ภาคใต้เรียกย่านเหมาะ หรือ ย่านเมราะ
เถาวัลย์เปรียง
เถาวัลย์เปรียง
หน้าตาเป็นยังไงนะ ?
เถาวัลย์เปรียง เป็นพรรณไม้เถา
ชอบเลื้อยพาดพันตามต้นไม้ใหญ่ ใบประกอบแบบขนนกเรียงสลับกัน ใบย่อยรูปไข่
เป็นมันสีเขียวเข้ม ดอกเป็นช่อสีขาว กลีบรองดอกเป็นสีม่วงดำ
ตรงปลายกลีบดอกนั้นจะเป็นสีชมพูเรื่อ ๆ ผลเป็นฝักแบนเล็ก ๆ
ภายในจะมีเมล็ดอยู่ประมาณ 2-4 เมล็ด
เถาวัลย์เปรียง
เถาวัลย์เปรียง
สรรพคุณเด่นจนต้องรู้ !
1. แก้ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
ในตำรับยาพื้นบ้าน
มีการนำเถาของเถาวัลย์เปรียงมาคั่วชงน้ำ แล้วดื่มกินแก้ปวดเมื่อย
ส่วนตำรับยาแผนปัจจุบัน กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และโรงพยาบาลวังน้ำเย็น
จังหวัดสระแก้ว ร่วมกันวิจัยทางคลินิกเพื่อศึกษาประสิทธิผลและผลข้างเคียงของสารสกัดเถาวัลย์เปรียงในการรักษาผู้ป่วยที่มีอาการปวดหลังส่วนล่าง
จำนวน 70 ราย แล้วพบว่า
ผู้ป่วยกลุ่มที่ได้รับสารสกัดเถาวัลย์เปรียงชนิดแคปซูลขนาด 200 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 7 วัน
มีอาการปวดหลังลดลงไม่ต่างจากกลุ่มผู้ป่วยที่ได้รับยาแก้ปวดไดโคลฟีแนค (Diclofenac) ขนาด 25 มิลลิกรัม วันละ 3 เวลาเท่ากัน
2. พิชิตโรคข้อเข่าเสื่อม
เถาวัลย์เปรียงนับเป็นสมุนไพรที่ช่วยแก้ปัญหาข้อเข่าเสื่อมได้ดีทีเดียว
ดังที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เคยร่วมวิจัยกับคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล
แล้วพบว่า ผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมที่ได้รับยานาโปรเซน ขนาด 250 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง นาน 4 สัปดาห์
มีประสิทธิผลในการรักษาและความปลอดภัยไม่แตกต่างจากผู้ที่รับยาสารสกัดเถาวัลย์เปรียง
ขนาด 400 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง นาน 4 สัปดาห์
3. กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย
ตามตำรับยาแผนโบราณ เถาวัลย์เปรียงถูกนำมาใช้เป็นส่วนประกอบของยาอายุวัฒนะเพื่อช่วยให้ร่างกายแข็งแรง
และมีงานวิจัยจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ช่วยสนับสนุนเรื่องนี้ด้วยเช่นกันค่ะ
โดยให้อาสาสมัครสุขภาพดี 59 คน
กินแคปซูลสารสกัดเถาวัลย์เปรียงวันละ 400 มิลลิกรัม เช้า-เย็น เป็นเวลา 2 เดือน ก็พบว่าสารสกัดเถาวัลย์เปรียงไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงใด
ๆ กับร่างกาย
แถมยังมีส่วนช่วยควบคุมหรือเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายได้จริง ๆ
4. รักษาอาการตกขาว
สรรพคุณของเถาวัลย์เปรียงยังดีต่อสุขภาพผู้หญิงเช่นกัน
เพราะช่วยรักษาอาการตกขาวชนิดที่ไม่มีอาการคัน ไม่มีกลิ่น
และไม่เปลี่ยนเป็นสีเขียวได้ด้วยค่ะ
ซึ่งเป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านที่สืบทอดกันมาแต่โบราณแล้ว วิธีใช้ก็คือ
นำเถาวัลย์เปรียงสับเป็นชิ้นเล็ก ๆ ต้มดื่มต่างน้ำ หรือดื่มวันละ 3 เวลา
5. ขับโลหิตเสีย-ช่วยให้มดลูกเข้าอู่
อีกหนึ่งสรรพคุณที่พืชชนิดนี้มีดีต่อผู้หญิงที่เพิ่งคลอดบุตรก็คือ
มีฤทธิ์ช่วยขับโลหิตเสียของผู้หญิง โดยการนำเถาวัลย์เปรียงทั้งห้าแบบสด ๆ
นำมาต้มกับน้ำแล้วนำน้ำที่ได้มาใช้ดื่มต่างน้ำ
นอกจากนี้เถาวัลย์เปรียงยังช่วยทำให้มดลูกเข้าอู่เร็วขึ้น
โดยการนำเถาสดมาทุบให้ยุ่ย แล้ววางทาบบนหน้าท้องคุณแม่หลังคลอด
จากนั้นนำหม้อเกลือที่ร้อนมานาบลงบนเถาวัลย์เปรียง
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น