ว่านดอกทองกระเจา
เป็น ว่านมหาเสน่ห์พันธุ์หนึ่งที่ใกล้สูญพันธุ์
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Curcuma spp. อยู่ในวงศ์ ZINGIBERACEAE ตระกูลเดียวกับขิง
น้องๆ รากราคะ หรือรู้จักกันในหมู่ชาวบ้านว่าว่าน มหาเสน่ห์ดอกทอง
มีสรรพคุณเหมือนกับว่านดอกทองแท้ วิธีการคือใช้ดอกแห้งแช่น้ำมันจันทน์ เสกคาถา
พกติดตัว หรือแตะแต้ม เป็นเสน่ห์ทางด้านชู้สาว
และการค้าการขายเงินทองไม่ขาดมือทีเดียว ว่านชนิดนี้ลำต้นใต้ดินเป็นเหง้ากลมเล็ก
ไม่มีส่วนของแง่งให้เห็น (มีเพียงสั้นๆ ตอนแตกจากต้นเดิมไปเป็นต้นใหม่)
เนื้อในหัวสีขาวเหลือง ลักษณะของใบจะเหมือนต้นขมิ้นแต่เล็กกว่า ต้นสูงไม่เกิน 1
ฟุต และอยู่กันเป็นกอ ส่วนดอกจะออกในหน้าฝน คล้ายกล้วยไม้ มีสีขาว
เหลือง แทงดอกขึ้นจากหัวใต้ดิน ก่อนการงอกของใบ
เติบโตได้ดีในสภาพดินที่ระบายน้ำได้ดี ชอบดินระบายน้ำดี แดดรำไร
และขยายพันธุ์ด้วยหัว
ชื่อวิทยาศาสตร์Curcuma spp.
วงศ์ZINGIBERACEAE
ชื่อสามัญ-
ชื่ออื่นๆว่านดอกทอง
ลักษณะทั่วไป
ลักษณะเป็นว่านมีหัว
รากเป็นเส้นใหญ่ไม่แตกรากฝอย ลำต้นและใบเหมือนขมิ้น
ลำต้นประกอบด้วยกาบของก้านใบหลายกาบซ้อนกัน ใบรูปใบพาย ปลายใบแหลม
โคนใบมนสอบติดก้านใบ พื้นใบสีเขียว เส้นกลางใบสีแดงเข้มหรือแดงเลือดหมู
ส่วนที่เห็นเป็นลำต้นเหนือดินสีแดงเข้มเช่นกัน ลำต้นส่วนที่ฝังอยู่ในดินและหัวเป็นสีขาวหรือขาวอมเขียว
รากเป็นสีน้ำตาล ช่อดอกเป็นกาบเรียวซ้อนสับขวางกันหลายๆ กาบ
กาบใบแต่ละกาบมีดอกสีเหลืองทองขนาดเล็ก กลิ่นหอมเย็น
การปลูก
ควรปลูกว่านด้วยดินปนทรายรดน้ำมากๆ
แต่ระวังอย่าให้ดินแฉะ ควรจัดวางให้ได้รับแสงแดดรำไรบ้างพอสมควร
การขยายพันธุ์
โดยการแยกหน่อ
ความเป็นมงคล
สรรพคุณใช้ทางเสน่ห์มหานิยมแก่ผู้ปลูก
แต่ไม่นิยมให้มีดอกติดต้นถึงบาน มักจะเก็บดอกเสียก่อนก่อนที่ดอกจะบาน
เพราะเชื่อกันว่าหากผู้ใดได้กลิ่นดอกว่านต้นนี้แล้วกามราคะในจิตจะกำเริบรุนแรงโดยเฉพาะสตรีเพศ
จึงมีชื่อเรียกว่านต้นนี้อีกอย่างหนึ่งว่า ว่านดอกทอง
ดอกของว่านคนหนุ่มสมัยโบราณจึงเสาะแสวงหาเก็บสะสมไว้หุงกับน้ำมันจันทน์
หรือบดรวมกับสีผึ้งสีปาก ใช้น้ำมันทาตัว หรือใช้สีผึ้งสีปาก
เมื่อถึงคราวจะต้องไปพบหญิงสาว สตรีใดต่อคารมด้วย
พอได้กลิ่นว่านในน้ำมันหรือสีผึ้ง มักใจอ่อนคล้อยตามได้ง่ายนับเป็นว่านที่เป็นเสน่ห์มหานิยมที่รุนแรงมาก
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น